วันก่อน ผมเพิ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือของ Donald Miller ชื่อ Hero on a Mission (2021)
ผมชอบหนังสือของ Donald Miller ตั้งแต่ได้อ่าน Marketing Made Simple ด้วยสไตล์การเขียนที่สั้นกระชับ ตรงจุด มีเนื้อหาที่ให้มุมมองแปลกใหม่ พร้อมแนวทางการนำไปใช้ต่อได้จริง
หนังสือ Hero on a Mission แตกต่างจากเล่มก่อน ๆ ที่ผมเคยอ่าน (และซื้อมาดอง 555) อย่าง Marketing Made Simple, Business Made Simple, Negotiation Made Simple ซึ่งพูดถึงทักษะและสิ่งที่ควรทำเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต

Hero on a Mission เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้น
Donald Miller เปรียบชีวิตเป็นเหมือนกับ story ที่มีจุดเริ่มต้น กลางเรื่อง และจุดจบ โดยทิศทางที่เนื้อเรื่องจะดำเนินไปขึ้นอยู่กับตัวละครที่เราเป็น
Donald Miller แบ่งตัวละครในชีวิตออกเป็น 4 แบบ:
- Victim คือ คนที่ปล่อยให้ story (ชีวิต) ขึ้นอยู่กับโชคชะตา (fate) และปัจจัยภายนอก
- Villain คือ คนที่ตอบสนองต่อความลำบากในชีวิต ด้วยการทำให้คนอื่นดูเล็กลง (make others small)
- Hero คือ คนที่ต้องการบางอย่างในชีวิต และเผชิญหน้ากับความท้าทายและยากลำบากที่ตามมา
- Guide คือ คนที่พร้อมจะนำ hero พิชิตอุปสรรคในชีวิต
เราแต่ละคนมีพลังของทั้งสี่ตัวละครอยู่ และในแต่ละเวลาเราเล่นเป็นบทบาทที่แตกต่างกันไป
- เวลาที่เราท้อแท้ เราอาจเล่นบทเป็น victim
- เวลาที่เราต้องการแก้แค้น เราอาจเล่นบท villain
สองบทบาทแรกเป็นบทบาทที่ไม่ช่วยให้ story ของเราเดินไปข้างหน้า
- victim เป็นผู้ที่อ่อนแอและต้องการความช่วยเหลือ การเล่นเป็น victim มีข้อดีที่ทำให้เราได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ในระยะยาว เรื่องราวของเราจะเดินอยู่ที่เดิม เพราะเราไม่ได้ทำให้ตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
- เช่นเดียวกัน การเล่นบทเป็น villain ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไป เพราะเราใช้พลังไปกับการทำให้คนอื่นดูแย่ แต่ภายในตัวเรายังคงเหมือนเดิม
ถ้าเราจะดำเนินเรื่องไปในทิศทางที่เราต้องการแล้ว เราจะต้องเล่นบท hero และ guide
🦸 Be a Hero
ชีวิตของเราเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา และทุกนาทีที่เราปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามสภาพแวดล้อม เราปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างไร้ทิศทาง
ถ้าเราต้องการที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ เราต้องการเปลี่ยนบทจาก victim ที่อ่อนแอและรอคอยความช่วยเหลือ มาเป็น hero ผู้ที่อ่อนแอแต่พร้อมเผชิญกับความยากลำบาก และกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งในที่สุด
เมื่อเราเลือกที่จะสวมบท hero ในชีวิต เราจะต้องมี mindset 2 อย่าง:
- Story can change: เชื่อว่า ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เรื่องราวของเราสามารถเปลี่ยนได้เสมอ
- You can be the author: เชื่อว่า โชคชะตาและพระเจ้าเป็นหนึ่งในผู้กำกับชีวิต แต่เราก็สามารถเป็น “ผู้เขียน” ที่แก้ไขเรื่องเราในชีวิตของเราได้เช่นกัน
ผู้ที่เป็น hero เลือกที่จะรับผิดชอบในชีวิต ตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเอง และใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ
👟 Life of Meaning
Hero คือ ผู้ที่เลือกใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
Donald Miller มองว่า การจะใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย มีอยู่ 3 ขั้นตอน ได้แก่:
- Know what you want
- Accept the challenge
- Share it with others
🐦🔥 Step 1. Know You Want
Hero จะต้องเลือกทิศทางในการดำเนินเรื่องราวของตัวเอง
เช่นเดียวกับหนังและนิยาย เรื่องราว (ชีวิต) จะไม่เกิดขึ้นและไม่น่าสนใจ ถ้า hero ไม่มีความต้องการ:
- เราจะไม่มี The Hobbits ถ้า Bilbo ไม่ต้องการออกไปผจญภัย
- เราจะไม่มี Star Wars ถ้า Luke ไม่ต้องการเป็น Jedi
- เราจะไม่มี The Avengers ถ้า Avengers ไม่ต้องการกอบกู้โลก
เรื่องราวชีวิตของเราจะเริ่มขึ้นเมื่อเราต้องการอะไรบางอย่าง หรือเป้าหมายในชีวิต
เป้าหมายในชีวิต คือ ความต้องการที่ดึงดูดให้เราเข้าหา ความต้องการนี้อาจจะเป็นความต้องการที่ฟังดูเห็นแก่ตัว เช่น ต้องการช่วยคนยากจนเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี Donald Miller ระบุว่า ความต้องการเหล่านี้ไม่ใช่ความต้องการที่ผิด ตราบเท่าที่ความต้องการนี้เป็นประโยชน์กับคนอื่นและทำให้โลกนี้ดีขึ้น (mutually beneficial)
สำหรับ Donald Miller การมีความต้องการ (ต้องการช่วยคนยากจน) ดีกว่าไม่มีความต้องการเลย (ไม่ต้องการช่วยคนยากจน)
แต่การมีความต้องการมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะจะทำให้เรื่องราวของเรา “เจือจาง”
ตัวอย่างเช่น ใน The Avengers ถ้า Tony Stark ไม่ได้ต้องการที่จะกู้โลกอย่างเดียว แต่ยังต้องการขยายธุรกิจ, จัดงานแต่งกับ Pepper Potts, เรียนเต้น samba เนื้อเรื่อง The Avengers จะดูวุ่นวายและขาดความน่าสนใจขึ้นมาในทันที
ชีวิตของเราก็เช่นกัน ถ้าเราโฟกัสกับความต้องการ 2-3 อย่าง เราจะมีเวลาและกำลังในการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และน่าสนใจ
🏃♂️ Step 2. Accept the Challenge
การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นถ้าเราไม่ลงมือทำ
การตั้งเป้าหมายไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความหมายขึ้นมาในทันที แต่ความหมายจะเกิดขึ้นเมื่อเราลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อไปถึงจุดหมายที่ต้องการ
เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย hero จะต้องทำ 2 สิ่งที่สำคัญ:
- Put something on the plot: ทำกิจกรรมที่ช่วยให้เนื้อเรื่องดำเนินไปสู่จุดหมาย
- Remember the theme: จดจำเป้าหมายของตัวเองได้
.
🔨 The Tools
Donald Miller นำเสนอ 5 เครื่องมือที่จะช่วยในการกำหนดเป้าหมาย ผลักดันให้เนื้อเรื่องดำเนินไปข้างหน้า และคอยช่วยจดจำเป้าหมาย ซึ่งได้แก่:
.
Tool #1. Eulogy: เขียนคำสรรเสริญ (สำหรับคนที่ลาจากไปแล้ว) ให้กับตัวเอง เป็นเทคนิคในการ reverse-engineer ชีวิตที่เราต้องการกลับมายังปัจจุบัน
สิ่งที่เราสามารถเขียนใน eulogy เช่น:
- ผลงานที่เราอยากจะทิ้งไว้เบื้องหลัง
- ภาพที่เราอยากให้คนอื่นจดจำ
- ข้อคิดที่เราอยากจะฝากไว้กับโลก
ตัวอย่าง eulogy จาก Donald Miller:
Donald Miller was a loving husband to his wife, Betsy, and an ever-present father to their daughter, Emmeline. His number one priority in life was always his family, which is why he limited his travel and work schedule to enjoy time with the people he loved the most. Don and his family built a home called Goose Hill in which many friends, family members, and invited guests found rest and encouragement. Don, Betsy, and Emmeline loved to practice hospitality and were always surrounded by people who were working to make the world better.
(Note: ตัวหนา คือ ตัวอย่างเนื้อหาหลักที่ใส่ลงใน eulogy)
.
Tool #2. Vision worksheets: worksheets ที่ช่วยนำภาพใน eulogy มากำหนดเป็นภาพปลายทาง 10 ปี, 5 ปี, และ 1 ปี เป็นเหมือนการกำหนดหนังแต่ละภาคในชีวิตของเรา โดยในแต่ละครั้ง เราจะกรอกรายละเอียดดังนี้:
- Age: อายุในอีก 1, 5, หรือ 10 ปีข้างหน้า
- Title: ชื่อหนังในช่วงเวลานั้นของชีวิต เช่น บัณฑิตผู้มีความรู้
- Projects: เช่น ในด้านครอบครัว พูดคุยกับพ่อแม่มากขึ้น, และในด้านเรียน เราจะอ่านหนังสือเดือนละ 2 เล่ม
- Daily to-dos: 2 สิ่งที่จะทำในแต่ละวัน เช่น อ่านหนังสือวันละ 1 บท
- Daily not-to-dos: 2 สิ่งที่จะไม่ทำในแต่ละวัน เช่น งดเล่นเกม
ทั้งนี้ เราจะเริ่มกรอกจาก 10 ปี, 5 ปี, และ 1 ปี ตามลำดับ
.
Tool #3. Goal-setting worksheet (optional): worksheet ที่ช่วยเราติดตามความคืบหน้าในการเดินทางของเรา ถ้าเรามองว่า vision worksheets เพียงพอแล้ว เราสามารถข้าม goal-setting worksheet ไปได้
Goal-setting worksheet มี 4 อย่างที่เราต้องเติม:
- Why: เหตุผลเบื้องหลังเป้าหมายของเรา
- Goal partner: ชื่อคนที่ตั้งเป้าหมายแบบเดียวกับเรา
- Milestones: เป้าหมายย่อย ๆ ตามทาง
- Daily sacrifice: สิ่งที่เรายอมเสียสละในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความคืบหน้าในเป้าหมาย
- Streak: จำนวนวันที่เราสามารถเสียสละได้ติดต่อกัน
.
Tool #4. Daily planner: เครื่องมือช่วยวางแผนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้เราไม่หลงทางไปจากเป้าหมายของเรา ใช้งานร่วมกับ morning ritual ในข้อถัดไป
Daily planner มีรายละเอียดที่เราต้องการกรอกมี 8 อย่าง ได้แก่:
- Review eulogy: เช็กว่า เราได้อ่าน eulogy แล้ว
- Review vision worksheets: เช็กว่า เราได้ทบทวน visions worksheets แล้ว
- Review goal-setting worksheets: เช็กว่า เราได้ทบทวน goal-setting worksheet แล้ว
- Reflect (live day the second time technique): ตอบคำถามตัวเองว่า ถ้าเราได้ใช้ชีวิตในวันนี้เป็นครั้งที่สอง เราจะทำอะไรให้แตกต่าง/ดีขึ้นบ้าง
- Set primary tasks: กำหนดงานหลักที่ต้องทำในวันนี้ งานนี้ควรเป็นงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายที่เราวางไว้ และทำให้เรื่องราวชีวิตเดินไปข้างหน้า
- Gratitude: เขียนสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณในชีวิต
- Track appointments: เขียนนัดหมายที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ เพื่อรู้ว่า วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
- Set secondary tasks: เขียนงานอื่น ๆ ที่ต้องทำนอกเหนือจากงานหลัก
.
Tool #5. Morning ritual: พิธีกรรมในช่วงเช้าที่มีเพื่อทบทวนสิ่งที่เราเขียนในเอกสารข้อ 1-4 เพื่อเป็นการเตือนความจำถึงเรื่องราวที่เราต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิต
โดยใน morning ritual เราจะทำตาม 4 ขั้นตอน ดังนี้:
- อ่าน eulogy
- อ่าน vision worksheets
- อ่าน goal-setting worksheets
- เขียน daily planner
.
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหา tools ทั้งห้าได้ท้ายหนังสือ Hero on a Mission หรือใช้งานออนไลน์ฟรีได้ที่ heroonamission.com:

🫂 Step 3. Share It With Others
ขั้นสุดท้ายของการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย คือ การถ่ายทอดและส่งต่อประสบการณ์ให้กับคนอื่น
ในจุดนี้ เราจะเปลี่ยนจาก hero มาเป็นบทบาทที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่อง นั่นคือ guide
แม้จะเป็นบทบาทที่ดูดี แต่ hero ก็ไม่ต่างจาก victim เพราะเริ่มต้นจากความอ่อนแอ
แต่ hero แตกต่างจาก victim ที่ยอมรับความท้าทายเพื่อได้สิ่งที่ต้องการมา และกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นจากการเดินทาง
Guide คือ hero ที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน เต็มไปด้วยประสบการณ์ ความรู้ และมุมมองที่พร้อมจะช่วย hero คนอื่นค้นพบเป้าหมายของตัวเอง
Guide คือ hero ที่ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และพร้อมจะส่งต่อตำนานของตัวเองให้กับคนอื่น
Donald Miller มองว่า guide ที่ดีมีลักษณะ 4 อย่าง:
- Experience: เคยผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
- Wisdom: เคยพบกับความล้มเหลวและก้าวผ่านมาได้
- Empathy: เคยผ่านความยากลำบากเช่นเดียวกับ hero ทำให้เข้าใจ hero ได้อย่างถ่องแท้
- Sacrifice: มีความเสียสละให้กับ hero ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ถ่ายถอดวิชาให้กับ hero หรือแม้เสียสละกระทั่งชีวิตเพื่อให้ hero อยู่รอด
สำหรับ Donald Miller, guide คือตัวละครที่เป็นจุดสูงสุดของชีวิต และการที่เราจะเป็น guide ได้ เราจะต้องเริ่มจากการเปลี่ยนตัวเองจาก victim เป็น hero ก่อน
(เลยเป็นที่มาว่า ทำไมชื่อหนังสือ ถึงไม่เป็น Guide on a Mission แต่เป็น Hero on a Mission)
📖 What’s Your Story?
ชีวิตของเรามีความหมาย และความหมายจะเกิดขึ้นเมื่อเราเลือกที่จะเป็น hero หรือผู้เขียนเรื่องราวของเราเอง
ความหมายเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง แม้ว่าทางเดินอาจไม่ได้เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่ประสบการณ์และความเจ็บปวดที่เราได้มาจะช่วยทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
ทุกการเดินทางเริ่มจากก้าวแรก เมื่อเราก้าวขึ้นมาเป็น hero ในชีวิต ลองถามตัวเอง: “เราต้องการอะไร? และเรื่องราวของเราจะเดินไปทางไหน?”

































































