สรุป 34 ข้อคิด (5 กลุ่ม) จากงาน What the Duck 2025: How to Survive, Thinking, How to Grow, Agency, และ Last Message

ในบทความนี้ ผมจะมาสรุป 33 ข้อคิดจากงาน What the Duck 2025 ของเพจ DataRockie ซึ่งเป็นงานที่จะขึ้นทุกปี และปีนี้เป็นปีแรกที่จัดแบบออนไลน์

ข้อคิดทั้ง 33 ข้อ จัดได้เป็น 5 กลุ่มดังนี้:

  1. How to survive
  2. Thinking
  3. How to grow
  4. Agency
  5. Last message

ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูสรุปทั้ง 33 ข้อคิดกัน


  1. 🔥 Group 1. How to Survive
  2. 😌 Group 2. Thinking
  3. 🚀 Group 3. How to Grow
  4. 🧑‍💼 Group 4. Agency
  5. 💪 Group 5. Last Message
  6. 📚 Sources
  7. 📄 References

🔥 Group 1. How to Survive

8 ข้อคิดเกี่ยวกับการเอาตัวรอด:

  1. Get closer to the reality
  2. Accept reality
  3. No one’s there to save you, but yourself
  4. Become a better version
  5. Road less travelled
  6. Mountain without top
  7. The best investment is in yourself
  8. Skill is anything we can learn, even happiness

.

ข้อ 1. Get closer to the reality

ไม่มีใครรู้ว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น (เช่น economic crisis, AI disruption, new pandemic) และถ้าเราจะอยู่รอด เราจะต้องเข้าใกล้ความจริง (reality) ให้ได้มากที่สุด

You can only make progress when you’re starting with the truth. — Naval Ravikant

.

ข้อ 2. Accept reality

เราจะเข้าใกล้ความจริงได้ ก็ต้องยอมรับความจริงอย่างที่เป็น

Accept everything just as the way it is. — Miyamoto Musashi

.

ข้อ 3. No one’s there to save you, but yourself

ไม่มีใครจะช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง

Seek nothing outside of yourself. — Miyamoto Musashi

.

ข้อ 4. Become a better version

เราจะ save ตัวเองได้ด้วยการพัฒนาตัวเองให้เป็น version ที่ดีที่สุด

.

ข้อ 5. Road less travelled

การพัฒนาตัวเองอาจไม่ใช่ทางที่ง่าย มักไม่ใช่ทางที่คนส่วนใหญ่เลือกกัน (เช่น ตื่นเข้ามาอ่านหนังสือแทนที่จะเล่น TikTok) แต่เป็นทางที่เราควรเลือกถ้าเราอยากจะอยู่รอด

.

ข้อ 6. Mountain without top

เราอาจจะไม่สามารถเป็น version ที่ดีที่สุดของเราได้ แต่เราก็ยังต้องเลือก road less travelled เพราะแม้เราจะไม่กลายเป็น best version แต่เราจะเป็น better version ของตัวเองในทุก ๆ วัน

You can be wiser, but never the wisest.

.

ข้อ 7. The best investment is in yourself

การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนในตัวเอง

Work harder on yourself than you do on your job. — Jim Rohn

.

ข้อ 8. Skill is anything we can learn, even happiness

Skill คือ ทุกอย่างที่เราสามารถเรียนรู้ได้

แม้กระทั่งความสุขก็เป็น skill อย่างหนึ่ง


😌 Group 2. Thinking

5 ข้อคิดเกี่ยวกับการคิด:

  1. Think → doing → becoming
  2. Thinking is a road less travelled
  3. Think exponential
  4. Think for yourself
  5. Think: leverage

.

ข้อ 9. Think → doing → becoming

ทุกอย่างเริ่มจากความคิด เราควรจะใช้เวลาว่างคิดตกผลึกเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง

.

ข้อ 10. Thinking is a road less travelled

การคิดไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่สิ่งที่เราทำบ่อย แต่เป็นสิ่งที่เราควรทำ

Two percent of the people think; three percent of the people think they think; and ninety-five percent of the people would rather die than think. — George Bernard Shaw

.

ข้อ 11. Think exponential

ในโลกที่มีความซับซ้อน การคิดเป็นเส้นตรงอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป ถ้าเราจะอยู่รอด เราจะต้องคิดให้แตกต่างไปจากเดิม

.

ข้อ 12. Think for yourself

เราเริ่มพัฒนาตัวเอง โดยคิดด้วยตัวเองเพื่อตัวเองมากขึ้น

Think for yourself, by yourself — Ad Toy

.

ข้อ 13. Think: leverage

Leverage คือ สิ่งที่ช่วยขยาย impact ของ effort ของเรา

เราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่าง เราแค่ต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง (do the right thing)

เราสามารถเริ่มได้ด้วยการถามตัวเองว่า:

What is the one thing you can do today that has the highest leverage?


🚀 Group 3. How to Grow

12 ข้อคิดเกี่ยวกับการสร้าง wealth:

  1. Three lanes to wealth
  2. Sidewalk
  3. Slowlane
  4. Slowlane, too slow
  5. Fastlane
  6. CENTS
  7. Control
  8. Entry
  9. Need
  10. Time
  11. Scale
  12. The law of effection

.

ข้อ 14. Three lanes to wealth

การสร้าง wealth มีอยู่ 3 ทาง:

  1. Sidewalk
  2. Slowlane
  3. Fastlane

.

ข้อ 15. Sidewalk

Sidewalk = income + debt

เป็นการใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน มีเงินเก็บน้อยหรือไม่มีเลย และมีหนี้สินมากขึ้นเรื่อย ๆ

.

ข้อ 16. Slowlane

Slowlane = income + investment

เป็นการสร้าง wealth ผ่านการทำงานที่มั่นคง ร่วมกับการออมเงินหรือลงทุนเพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณ

.

ข้อ 17. Slowlane, too slow

การสร้าง wealth แบบ Slowlane ขึ้นอยู่กับเวลา: ถ้าจะหาเงินได้มากขึ้น ก็ต้องใช้เวลามากขึ้น (เช่น ทำ OT) ถ้าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น ก็ต้องใช้เวลามากขึ้นเช่นกัน (ดอกเบี้ยทบต้น) ทำให้ Slowlane เป็นการสร้าง wealth ที่ช้าเกินไป

.

ข้อ 18. Fastlane

Fastlane = net profit + asset value

เป็นการสร้าง wealth โดยสร้าง value ที่มี impact ต่อคนในวงกว้าง

เช่น แก้ปัญหาให้กับคน 1 ล้านคน แทนที่จะแค่ 100 คน

.

ข้อ 19. CENTS

ธุรกิจแบบ Fastlane ต้องมีลักษณะ 5 อย่าง (CENTS):

  1. Control
  2. Entry
  3. Need
  4. Time
  5. Scale

.

ข้อ 20. Control

Control หมายถึง เราจะต้องสามารถควบคุมธุรกิจของเราได้โดยตรง

เช่น สามารถตั้งราคาสินค้า/บริการ เพื่อควบคุมกำไรที่ต้องการได้

เราจะต้องเป็น driver ไม่ใช่แค่ passenger ในธุรกิจของตัวเอง

.

ข้อ 21. Entry

Entry หมายถึง เราควรทำธุรกิจที่คนอื่นลอกเลียนแบบได้ยาก เพราะจะทำให้มี competition น้อย

.

ข้อ 22. Need

Need หมายถึง ธุรกิจจะต้องตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาที่มีอยู่จริงในตลาด

.

ข้อ 23. Time

Time หมายถึง ธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้เราโดยไม่ขึ้นอยู่กับเวลา เช่น สร้างรายได้ในขณะที่เรากำลังนอนหลับหรือพักร้อน

.

ข้อ 24. Scale

Scale หมายถึง ธุรกิจจะต้องเติบโตและขยับขยายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในวงกว้างได้

.

ข้อ 25. The law of effection

Wealth = scale * magnitude

ยิ่งเราแก้ปัญหาให้คนจำนวนมากได้เยอะเท่าไร เราก็ยิ่งสร้าง wealth ได้มากขึ้นเท่านั้น


🧑‍💼 Group 4. Agency

8 ข้อคิดเกี่ยวกับการสร้าง agency:

  1. Agency (by Dan Koe)
  2. Agency (by Jonathan Jerkins)
  3. The 5 laws of agency
  4. Control the frame
  5. Energy beats time
  6. Direction beats speed
  7. Externalise cognition
  8. Asymmetry or death

.

ข้อ 25. Agency, by Dan Koe

Agency คือ ความสามารถในการเลือกทางเดินของชีวิตด้วยตัวเอง แทนการตกเป็นทาสของชะตาชีวิต

.

ข้อ 26. Agency, by Jonathan Jerkins

Agency คือ การเป็นตัวของตัวเอง แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะชักชวนให้เราออกห่างจากตัวเอง

Agency is the ability to remain yourself in the conditions designed to pull you away from yourself. — Jonathan Jerkins

.

ข้อ 27. The 5 laws of agency

Agency มีกฎอยู่ 5 ข้อ:

  1. Control the frame
  2. Energy beats time
  3. Direction beats speed
  4. Externalise cognition
  5. Asymmetry or death

.

ข้อ 28. Control the frame

Frame คือ lens ที่เราใช้มองโลกและตีความสถานการณ์ต่าง ๆ

Agency หมายถึง เราสามารถเลือก frame ในการมองโลกและตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง

.

ข้อ 29. Energy beats time

เวลาเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เราควบคุม energy ที่เราใช้ได้

Agency หมายถึง เราสามารถเลือกได้ว่า เราจะทุ่มเทให้กับกิจกรรมไหน และเก็บ energy ไว้สำหรับกิจกรรมไหนบ้าง

.

ข้อ 30. Direction beats speed

ความเร็วไม่มีความสำคัญ ถ้าไม่มีทิศทาง เหมือนกับการขับรถด้วยความเร็วสูง แต่วนเป็นวงกลม

Agency หมายถึง เราสามารถเลือกทิศทางและความเร็วได้ว่า เราจะขับรถไปทางไหนและด้วยความเร็วเท่าไร

.

ข้อ 31. Externalise cognition

สมองไม่ได้ออกแบบมาให้จดจำ แต่เพื่อคิดและสร้างสรรค์

Agency หมายถึง เราควรสร้างระบบ (second brain) เพื่อ free up สมอง ให้สมองสามารถคิดและประมวลผลข้อมูลได้อย่างเต็มที่

.

ข้อ 32. Asymmetry or death

เลือกทำกิจกรรมที่ให้ผลลัพธ์มาก และมีผลเสียน้อย

เช่น ใช้เวลา 4–5 ปีสร้างระบบที่จะช่วยให้เราไม่ต้องทำงานไปอีก 30 ปี


💪 Group 5. Last Message

1 ข้อคิดทิ้งท้าย:

  1. One-person business philosophy

.

ข้อ 33. One-person business philosophy

Work less, earn more, enjoy life.


📚 Sources

เนื้อหาใน session มาจากหนังสือ 3 เล่มหลัก ได้แก่:

  1. Purpose & Profit
  2. The Millionaire Fastlane
  3. The 5 Laws of Agency

หนังสือเล่มอื่น ๆ ที่ถูกพูดถึงใน session ได้แก่:

  1. Dokkōdō
  2. The Company of One
  3. The Almanack of Naval Ravikant

📄 References

Miyamoto Musashi:

Fastlane:

Agency:

Comments

Leave a comment