Building Judgment: สรุป 3 แนวทางในการพัฒนาความคิดให้เฉียบคม จากหนังสือ The Almanack of Naval Ravikant โดย Eric Jorgenson — Think Clearly, Mental Models, และ Read

The Almanack of Naval Ravikant เป็นหนังสือของ Eric Jorgenson นักเขียนเกี่ยวกับ startups ซึ่งรวบรวมปรัชญาการใช้ชีวิตและความมั่งคั่ง (wealth) ของ Naval Ravikant นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในบริษัทอย่าง Uber, FourSqure, และ Twitter (X) และเป็น CEO ของ AngelList บริษัทที่ช่วยให้ startups ได้พบกับ angel investors เอาไว้

ในบทความนี้ เราจะสรุปบทเรียน Building Judgment ซึ่งเป็นบทที่ 2 จาก 5 ในหนังสือ

บทสรุปแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่:

  1. What and why of judgment: นิยามและความสำคัญของ judgment
  2. Think clearly: วิธีคิดให้ทะลุปรุโปร่ง
  3. Mental models: หลักการคิดที่ควรมี
  4. Read: แนวคิดเกี่ยวกับการอ่าน

ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย


หน้าปกหนังสือ The Alamack of Naval Ravikant บน Amazon

  1. ⚖️ What & Why of Judgment
  2. 😎 Think Clearly
    1. 🌱 Basic Knowledge: Start from the Ground Up
    2. 🥠 Reality: See Past the Identity
    3. 🙂 Additional Tips: Honesty & Criticism
  3. 🧠 Mental Models
  4. 📖 Read
    1. 🔖 What & How to Read
  5. 🌻 Summary
  6. 🔥 Get The Almanack of Naval Ravikant

⚖️ What & Why of Judgment

The direction you’re heading in matters more than how fast you move, especially with leverage.

— Naval Ravikant

Judgment ในนิยามของ Naval คือ การประยุกต์ใช้ wisdom กับปัญหาภายนอก

Wisdom หมายถึง ความสามารถในการมองเห็นผลลัพธ์ในระยะยาวของการกระทำ

ดังนั้น judgment คือ ความสามารถในการมองเห็นผลลัพธ์ในระยะยาวของการกระทำภายนอก ซึ่งทำให้เราสามารถหาประโยชน์จากการตัดสินใจต่าง ๆ ในชีวิตได้

Judgment = wisdom(external problems)

ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว judgment มีความสำคัญ เพราะเทคโนโลยีสามารถขยาย impact ของการตัดสินใจของเราได้หลายเท่าตัว

ยกตัวอย่าง เรามีไอเดียและโพสต์ไอเดียลง social media เราสามารถเข้าถึงคนที่เราต้องการได้ภายในเวลาอันสั้น และถ้าไอเดียนี้ดี เราก็จะได้ผลตอบรับที่ดีจำนวนมากกลับมา แต่ถ้าเป็นไอเดียไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม เราก็จะได้รับแรงต้านมหาศาลเช่นกัน

ถ้าเรามี judgment ที่ดีกว่าคนอื่นเพียงนิดเดียว เราก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้อย่างสิ้นเชิง

In an age of leverage, one correct decision can win everything.

— Naval Ravikant

ทั้งนี้ เรามี 3 วิธีในการพัฒนา judgment ของเรา ได้แก่:

  1. Think clearly
  2. Mental models
  3. Read

ไปดูรายละเอียดของแต่ละวิธีกัน


😎 Think Clearly

“Clear thinker” is a better compliment than “smart.”

— Naval Ravikant

Think clearly คือ การคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง (reality) และประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่:

  1. ความรู้ขั้นพื้นฐาน
  2. การมองเห็นความเป็นจริง

.

🌱 Basic Knowledge: Start from the Ground Up

Real knowledge is intrinsic, and it’s built from the ground up.

— Naval Ravikant

คนที่มี judgment ที่ดีมักมีความรู้ขั้นพื้นฐานที่ดี เพราะเมื่อเรามีความรู้พื้นฐานแล้ว เราสามารถต่อยอดเป็นความรู้ที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

ในมุมมองของ Naval คนที่ฉลาดมักจะเป็นคนที่เข้าใจความรู้พื้นฐานอย่างท่องแท้ ยกตัวอย่างเช่น Richard Feynman นักฟิสิกส์ที่ได้ Nobel Prize ในปี 1965 ซึ่งสามารถอธิบายคณิตศาสตร์ได้โดยเริ่มจากการนับเลขและต่อยอดไปเรื่อย ๆ ไปจนถึงพีชคณิตและตรีโกณมิติ (precalculus) โดยไม่ใช้นิยามใด ๆ แต่ใช้ chain of logic อย่างเดียว

ถ้าเราสามารถอธิบาย concept ที่ซับซ้อนให้เด็กเข้าใจได้ แสดงว่า เรามีความรู้พื้นฐานที่แท้จริง แต่ถ้าเราทำไม่ได้ แสดงว่าเรากำลังจำ concept โดยไม่ได้เข้าใจความรู้พื้นฐานจริง ๆ

.

🥠 Reality: See Past the Identity

The hard thing is seeing the truth.

— Naval Ravikant

คนที่มี judgment ที่ดี คือ คนที่เข้าใกล้ reality ได้มากที่สุด

การเข้าใกล้ reality ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ขัดขวางไม่ให้เราเห็น reality เช่น:

  • Desires: สิ่งที่เราต้องการให้เป็น
  • Expectations: ความคาดหวัง
  • Beliefs: ความเชื่อ
  • Habits: ความเคยชิน

Naval เรียกปัจจัยเหล่านี้รวมกันว่า identity หรือ ego ที่ก่อรูปเป็นตัวเราและคอยกำกับการกระทำของเรา

What we wish to be true clouds our perception of what is true.

— Naval Ravikant

ถ้าเราอยากจะเข้าใกล้ reality ให้ได้มากที่สุด เราจะต้องตัดสินใจโดยไม่ใช้ identity/ego เพราะการใช้ identity/ego หมายถึง การใช้ความเชื่อหรือความเคยชินที่มีมาแต่เดิม และอาจไม่ใช่สิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบัน

ยกตัวอย่างเช่น เราเชื่อว่าธุรกิจกำลังไปได้ดี ทำให้เราตัดสินใจลงทุนเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจกำลังซบเซา ทำให้การตัดสินใจของเราส่งผลเสีย (แทนที่จะเป็นผลดี) ต่อธุรกิจ

ยิ่งเราเข้าใกล้ reality ได้มากเท่าไร เราก็ยิ่งมี judgment ที่ดีขึ้นเท่านั้น

.

🙂 Additional Tips: Honesty & Criticism

You should never, ever fool anybody, and you are the easiest person to fool.

— Richard Feynman

Naval แนะนำอีก 2 เคล็ดลับที่จะช่วยให้เราคิดได้ดีขึ้น ได้แก่:

  1. Radical honesty
  2. Praise specifically, criticise generally

Radical honesty หมายถึง เราควรซื่อสัตย์ต่อทั้งตัวเองและคนอื่น เพราะคนที่ถูกหลอกง่ายที่สุดคือตัวเอง

ถ้าเราโกหกคนอื่น เราจะเชื่อคำโกหกของตัวเอง ทำให้เราไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ รวมทั้งทำให้เราหลุดจากความเป็นจริง

Praise specifically, criticise generally เป็นแนวคิดที่ Naval ได้มาจาก Warren Buffet ซึ่งหมายถึง:

  • เวลาที่เราวิพากวิจารณ์ใคร เราควรวิจารณ์แนวทางมากกว่าตัวบุคคล
  • เวลาที่เราชื่นชมใคร ให้เราชมตัวบุคคล

ยกตัวอย่างเช่น:

  • ถ้าเราเห็นพนักงานทำงานไม่ดี ให้เราวิจารณ์แนวทางในการทำงานที่พนักงานใช้
  • ถ้าเราเห็นพนักงานทำงานได้ดี เราควรชื่นชมพนักงาน เพราะเป็นตัวอย่างคนทำงานที่ดี

การทำอย่างนี้จะช่วยทำให้คนอื่นอยากทำงานกับเรา มากกว่าต่อต้านเรา เพราะเราไม่ได้โจมตี identity/ego ของคนอื่น


🧠 Mental Models

What you want is principles. You want mental models.

— Naval Ravikant

Mental model เป็นเหมือนแผนที่ที่บอกว่า สิ่งต่าง ๆ ทำงานยังไง เช่น ถ้า X เกิดขึ้น Y จะตามมา

ถ้าเราอยากจะมี judgment ที่ดี เราควรมี mental models ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ถูกต้องและแม่นยำ

Naval แนะนำ 12 mental models ที่น่าสนใจ:

  1. Evolution: ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอารยธรรมสามารถอธิบายได้ด้วยหลัก evolution ที่ว่า ใครจะอยู่รอดและได้สืบพันธุ์ต่อไป
  2. Inversion: แนวคิดในการตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ แทนการมองหาตัวเลือกที่ใช่
  3. Complexity theory: Naval เชื่อว่า คนเราใสซื่อจนเกินไปและมีความสามารถในการทำนายอนาคตที่แย่มาก
  4. Economics: ความรู้เชิงเศรษฐศาสตร์ต่าง ๆ เช่น demand-supply, game theory
  5. Principal-agent problem: แนวคิดที่ว่า ความไม่สอดคล้องอาจเกิดขึ้นได้เมื่อเรา (principal) ให้คนอื่น (agent) ทำงานให้กับเรา เพราะ agent ไม่สามารถรู้ความต้องการของ principal ได้ตลอดเวลา เช่น เราฝากเพื่อนซื้อข้าว เพื่อนอาจซื้อข้าวผัดมาให้เพราะเห็นเรากินข้าวผัดในอดีต แต่วันนี้ เราอยากกินก๋วยเตี๋ยว ทำให้ข้าวที่ซื้อมาไม่ตรงโจทย์
  6. Compound interest: แนวคิดที่ว่า ดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้ใช้ได้กับการเงินเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิต เช่น การหาลูกค้า ถ้าบริษัทมีผู้ใช้ 100 คนในเดือนแรก และมียอดการเติบโตของผู้ใช้ 20% ต่อเดือน ภายใน 1 ปี บริษัทจะมีผู้ใช้งานถึงเกือบ 900 คนใน
  7. Basic math: ความรู้ทางคณิตศาสตร์ เช่น การคิดบวกลบเลข ความน่าจะเป็น และสถิติ
  8. Black swans: แนวคิดของ Nassim Nicholas Taleb นักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญา ซึ่งหมายถึง เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่มีผลกระทบในวงกว้าง Naval แนะนำให้ศึกษางานของ Nassim ถ้าต้องการศึกษาเพิ่มเติม
  9. Calculus: การคำนวณ output โดยใช้ input และ functions
  10. Falsifiability: falsifiable หมายถึง สามารถพิสูจน์ว่าเป็น/ไม่เป็นจริงได้ และแนวคิดเป็นแก่นหลักของวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีใดที่ไม่สามารถ falsify ได้เป็นทฤษฎีที่ไม่ควรยึดถือ เพราะเราพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นจริง/ไม่เป็นจริง
  11. If you can’t decide, then the answer is no: ถ้าเราตัดสินใจไม่ได้ (เช่น จะไปเรียนต่อไหม) คำตอบคือไม่ เพราะในปัจจุบัน เรามีตัวเลือกมากมาย และเราควร say “yes” ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจในตัวเลือกจริง ๆ แล้วเท่านั้น
  12. Run uphill: ถ้าเรารู้สึก 50-50 กับการตัดสินใจยาก ๆ ให้เราเลือกทางที่ยากกว่า เพราะทางที่ยากในระยะสั้นมักให้ผลดีในระยะยาว เหมือนกับการวิ่ง เราจะเหนื่อยในระหว่างวิ่ง แต่สุดท้ายเราจะมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

📖 Read

Read a lot—just read.

— Naval Ravikant

แนวทางสุดท้ายในการพัฒนา judgment คือ การอ่าน

การอ่านคือ superpower ซึ่งเราสามารถพัฒนาได้

สำหรับคนที่ต้องการฝึกทักษะการอ่าน Naval แนะนำให้เริ่มจากการอ่านสิ่งที่ชอบจนกว่าเราจะรักในการอ่าน

Read what you love until you love to read.

— Naval Ravikant

ในช่วงแรก เราไม่ต้องสนใจว่า หนังสือที่เราอ่านเกี่ยวกับเรื่องอะไร ขอให้เป็นสิ่งที่เราชอบก็พอ และอ่านให้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

.

🔖 What & How to Read

The problem with saying “just read” is there is so much junk out there.

— Naval Ravikant

Naval มีเทคนิคในการอ่านเพื่อสร้างความรู้ 5 ข้อ ได้แก่:

  1. Basic knowledge: อ่านหนังสือที่มีความรู้พื้นฐาน เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และปรัชญา
  2. Classic work: อ่านหนังสือต้นฉบับหรือหนังสือ classic เช่น ถ้าเราต้องการอ่านเกี่ยวกับ evolution เราควรอ่านงานของ Charles Darwin ก่อน แล้วค่อยอ่านหนังสือของคนอื่นที่เขียนต่อยอดจาก Charles Darwin เป็นต้น
  3. No obligation to finish a book: เราอ่านเพื่อทำความเข้าใจไอเดียพื้นฐานของหนังสือ เราไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือให้จบทั้งเล่ม ถ้าเรารู้สึกว่าเข้าใจไอเดียพื้นฐานในหนังสือแล้ว เราสามารถข้ามไปเล่มถัดไปได้ และกลับมาดูหนังสือเล่มเก่าอีกครั้งเมื่อต้องการทบทวนความรู้
  4. You are what you read: เลือกหนังสือที่อ่านให้ดี เพราะหนังสือจะเหมือนเนื้อเพลงที่เล่นวนอยู่ในหัวเรา เราจะกลายเป็นสิ่งที่เราอ่าน
  5. Read to teach: อ่านโดยมีความตั้งใจว่าจะอธิบายให้คนอื่นฟัง การทำเช่นนี้จะทำให้เราเข้าใจสิ่งที่อ่านมากขึ้น

🌻 Summary

Judgment เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะผลของการตัดสินใจเราสามารถถูกขยายด้วยเทคโนโลยีและส่งผลเป็นวงกว้างได้

แนวทางในการพัฒนา judgment มีอยู่ 3 แนวทาง ได้แก่:

  1. Think clearly: คิดโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยเราต้องมี (1) ความรู้พื้นฐาน และ (2) การตัดสินใจโดยไม่ใช้ identity/ego
  2. Mental models: สะสมแนวคิดในการตัดสินใจ เช่น evolution, inversion, complexity theory
  3. Read: อ่านให้เยอะเพื่อสะสมความรู้พื้นฐานและหลีกเลี่ยงหนังสือที่ไม่ดี

🔥 Get The Almanack of Naval Ravikant

สำหรับคนที่สนใจเนื้อหาของหนังสือและอยากอ่านเพิ่มเติม สามารถซื้อหนังสือได้ตาม link ด้านล่าง:

Note: ใครที่สนใจอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษแบบ e-book หรือ PDF สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ navalmanack.com

Comments

Leave a comment