Tag: Naval Ravikant

  • Building Judgment: สรุป 3 แนวทางในการพัฒนาความคิดให้เฉียบคม จากหนังสือ The Almanack of Naval Ravikant โดย Eric Jorgenson — Think Clearly, Mental Models, และ Read

    Building Judgment: สรุป 3 แนวทางในการพัฒนาความคิดให้เฉียบคม จากหนังสือ The Almanack of Naval Ravikant โดย Eric Jorgenson — Think Clearly, Mental Models, และ Read

    The Almanack of Naval Ravikant เป็นหนังสือของ Eric Jorgenson นักเขียนเกี่ยวกับ startups ซึ่งรวบรวมปรัชญาการใช้ชีวิตและความมั่งคั่ง (wealth) ของ Naval Ravikant นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในบริษัทอย่าง Uber, FourSqure, และ Twitter (X) และเป็น CEO ของ AngelList บริษัทที่ช่วยให้ startups ได้พบกับ angel investors เอาไว้

    ในบทความนี้ เราจะสรุปบทเรียน Building Judgment ซึ่งเป็นบทที่ 2 จาก 5 ในหนังสือ

    บทสรุปแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่:

    1. What and why of judgment: นิยามและความสำคัญของ judgment
    2. Think clearly: วิธีคิดให้ทะลุปรุโปร่ง
    3. Mental models: หลักการคิดที่ควรมี
    4. Read: แนวคิดเกี่ยวกับการอ่าน

    ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย


    หน้าปกหนังสือ The Alamack of Naval Ravikant บน Amazon

    1. ⚖️ What & Why of Judgment
    2. 😎 Think Clearly
      1. 🌱 Basic Knowledge: Start from the Ground Up
      2. 🥠 Reality: See Past the Identity
      3. 🙂 Additional Tips: Honesty & Criticism
    3. 🧠 Mental Models
    4. 📖 Read
      1. 🔖 What & How to Read
    5. 🌻 Summary
    6. 🔥 Get The Almanack of Naval Ravikant

    ⚖️ What & Why of Judgment

    The direction you’re heading in matters more than how fast you move, especially with leverage.

    — Naval Ravikant

    Judgment ในนิยามของ Naval คือ การประยุกต์ใช้ wisdom กับปัญหาภายนอก

    Wisdom หมายถึง ความสามารถในการมองเห็นผลลัพธ์ในระยะยาวของการกระทำ

    ดังนั้น judgment คือ ความสามารถในการมองเห็นผลลัพธ์ในระยะยาวของการกระทำภายนอก ซึ่งทำให้เราสามารถหาประโยชน์จากการตัดสินใจต่าง ๆ ในชีวิตได้

    Judgment = wisdom(external problems)
    

    ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว judgment มีความสำคัญ เพราะเทคโนโลยีสามารถขยาย impact ของการตัดสินใจของเราได้หลายเท่าตัว

    ยกตัวอย่าง เรามีไอเดียและโพสต์ไอเดียลง social media เราสามารถเข้าถึงคนที่เราต้องการได้ภายในเวลาอันสั้น และถ้าไอเดียนี้ดี เราก็จะได้ผลตอบรับที่ดีจำนวนมากกลับมา แต่ถ้าเป็นไอเดียไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม เราก็จะได้รับแรงต้านมหาศาลเช่นกัน

    ถ้าเรามี judgment ที่ดีกว่าคนอื่นเพียงนิดเดียว เราก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้อย่างสิ้นเชิง

    In an age of leverage, one correct decision can win everything.

    — Naval Ravikant

    ทั้งนี้ เรามี 3 วิธีในการพัฒนา judgment ของเรา ได้แก่:

    1. Think clearly
    2. Mental models
    3. Read

    ไปดูรายละเอียดของแต่ละวิธีกัน


    😎 Think Clearly

    “Clear thinker” is a better compliment than “smart.”

    — Naval Ravikant

    Think clearly คือ การคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง (reality) และประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่:

    1. ความรู้ขั้นพื้นฐาน
    2. การมองเห็นความเป็นจริง

    .

    🌱 Basic Knowledge: Start from the Ground Up

    Real knowledge is intrinsic, and it’s built from the ground up.

    — Naval Ravikant

    คนที่มี judgment ที่ดีมักมีความรู้ขั้นพื้นฐานที่ดี เพราะเมื่อเรามีความรู้พื้นฐานแล้ว เราสามารถต่อยอดเป็นความรู้ที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

    ในมุมมองของ Naval คนที่ฉลาดมักจะเป็นคนที่เข้าใจความรู้พื้นฐานอย่างท่องแท้ ยกตัวอย่างเช่น Richard Feynman นักฟิสิกส์ที่ได้ Nobel Prize ในปี 1965 ซึ่งสามารถอธิบายคณิตศาสตร์ได้โดยเริ่มจากการนับเลขและต่อยอดไปเรื่อย ๆ ไปจนถึงพีชคณิตและตรีโกณมิติ (precalculus) โดยไม่ใช้นิยามใด ๆ แต่ใช้ chain of logic อย่างเดียว

    ถ้าเราสามารถอธิบาย concept ที่ซับซ้อนให้เด็กเข้าใจได้ แสดงว่า เรามีความรู้พื้นฐานที่แท้จริง แต่ถ้าเราทำไม่ได้ แสดงว่าเรากำลังจำ concept โดยไม่ได้เข้าใจความรู้พื้นฐานจริง ๆ

    .

    🥠 Reality: See Past the Identity

    The hard thing is seeing the truth.

    — Naval Ravikant

    คนที่มี judgment ที่ดี คือ คนที่เข้าใกล้ reality ได้มากที่สุด

    การเข้าใกล้ reality ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ขัดขวางไม่ให้เราเห็น reality เช่น:

    • Desires: สิ่งที่เราต้องการให้เป็น
    • Expectations: ความคาดหวัง
    • Beliefs: ความเชื่อ
    • Habits: ความเคยชิน

    Naval เรียกปัจจัยเหล่านี้รวมกันว่า identity หรือ ego ที่ก่อรูปเป็นตัวเราและคอยกำกับการกระทำของเรา

    What we wish to be true clouds our perception of what is true.

    — Naval Ravikant

    ถ้าเราอยากจะเข้าใกล้ reality ให้ได้มากที่สุด เราจะต้องตัดสินใจโดยไม่ใช้ identity/ego เพราะการใช้ identity/ego หมายถึง การใช้ความเชื่อหรือความเคยชินที่มีมาแต่เดิม และอาจไม่ใช่สิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบัน

    ยกตัวอย่างเช่น เราเชื่อว่าธุรกิจกำลังไปได้ดี ทำให้เราตัดสินใจลงทุนเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจกำลังซบเซา ทำให้การตัดสินใจของเราส่งผลเสีย (แทนที่จะเป็นผลดี) ต่อธุรกิจ

    ยิ่งเราเข้าใกล้ reality ได้มากเท่าไร เราก็ยิ่งมี judgment ที่ดีขึ้นเท่านั้น

    .

    🙂 Additional Tips: Honesty & Criticism

    You should never, ever fool anybody, and you are the easiest person to fool.

    — Richard Feynman

    Naval แนะนำอีก 2 เคล็ดลับที่จะช่วยให้เราคิดได้ดีขึ้น ได้แก่:

    1. Radical honesty
    2. Praise specifically, criticise generally

    Radical honesty หมายถึง เราควรซื่อสัตย์ต่อทั้งตัวเองและคนอื่น เพราะคนที่ถูกหลอกง่ายที่สุดคือตัวเอง

    ถ้าเราโกหกคนอื่น เราจะเชื่อคำโกหกของตัวเอง ทำให้เราไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ รวมทั้งทำให้เราหลุดจากความเป็นจริง

    Praise specifically, criticise generally เป็นแนวคิดที่ Naval ได้มาจาก Warren Buffet ซึ่งหมายถึง:

    • เวลาที่เราวิพากวิจารณ์ใคร เราควรวิจารณ์แนวทางมากกว่าตัวบุคคล
    • เวลาที่เราชื่นชมใคร ให้เราชมตัวบุคคล

    ยกตัวอย่างเช่น:

    • ถ้าเราเห็นพนักงานทำงานไม่ดี ให้เราวิจารณ์แนวทางในการทำงานที่พนักงานใช้
    • ถ้าเราเห็นพนักงานทำงานได้ดี เราควรชื่นชมพนักงาน เพราะเป็นตัวอย่างคนทำงานที่ดี

    การทำอย่างนี้จะช่วยทำให้คนอื่นอยากทำงานกับเรา มากกว่าต่อต้านเรา เพราะเราไม่ได้โจมตี identity/ego ของคนอื่น


    🧠 Mental Models

    What you want is principles. You want mental models.

    — Naval Ravikant

    Mental model เป็นเหมือนแผนที่ที่บอกว่า สิ่งต่าง ๆ ทำงานยังไง เช่น ถ้า X เกิดขึ้น Y จะตามมา

    ถ้าเราอยากจะมี judgment ที่ดี เราควรมี mental models ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ถูกต้องและแม่นยำ

    Naval แนะนำ 12 mental models ที่น่าสนใจ:

    1. Evolution: ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอารยธรรมสามารถอธิบายได้ด้วยหลัก evolution ที่ว่า ใครจะอยู่รอดและได้สืบพันธุ์ต่อไป
    2. Inversion: แนวคิดในการตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ แทนการมองหาตัวเลือกที่ใช่
    3. Complexity theory: Naval เชื่อว่า คนเราใสซื่อจนเกินไปและมีความสามารถในการทำนายอนาคตที่แย่มาก
    4. Economics: ความรู้เชิงเศรษฐศาสตร์ต่าง ๆ เช่น demand-supply, game theory
    5. Principal-agent problem: แนวคิดที่ว่า ความไม่สอดคล้องอาจเกิดขึ้นได้เมื่อเรา (principal) ให้คนอื่น (agent) ทำงานให้กับเรา เพราะ agent ไม่สามารถรู้ความต้องการของ principal ได้ตลอดเวลา เช่น เราฝากเพื่อนซื้อข้าว เพื่อนอาจซื้อข้าวผัดมาให้เพราะเห็นเรากินข้าวผัดในอดีต แต่วันนี้ เราอยากกินก๋วยเตี๋ยว ทำให้ข้าวที่ซื้อมาไม่ตรงโจทย์
    6. Compound interest: แนวคิดที่ว่า ดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้ใช้ได้กับการเงินเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิต เช่น การหาลูกค้า ถ้าบริษัทมีผู้ใช้ 100 คนในเดือนแรก และมียอดการเติบโตของผู้ใช้ 20% ต่อเดือน ภายใน 1 ปี บริษัทจะมีผู้ใช้งานถึงเกือบ 900 คนใน
    7. Basic math: ความรู้ทางคณิตศาสตร์ เช่น การคิดบวกลบเลข ความน่าจะเป็น และสถิติ
    8. Black swans: แนวคิดของ Nassim Nicholas Taleb นักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญา ซึ่งหมายถึง เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่มีผลกระทบในวงกว้าง Naval แนะนำให้ศึกษางานของ Nassim ถ้าต้องการศึกษาเพิ่มเติม
    9. Calculus: การคำนวณ output โดยใช้ input และ functions
    10. Falsifiability: falsifiable หมายถึง สามารถพิสูจน์ว่าเป็น/ไม่เป็นจริงได้ และแนวคิดเป็นแก่นหลักของวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีใดที่ไม่สามารถ falsify ได้เป็นทฤษฎีที่ไม่ควรยึดถือ เพราะเราพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นจริง/ไม่เป็นจริง
    11. If you can’t decide, then the answer is no: ถ้าเราตัดสินใจไม่ได้ (เช่น จะไปเรียนต่อไหม) คำตอบคือไม่ เพราะในปัจจุบัน เรามีตัวเลือกมากมาย และเราควร say “yes” ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจในตัวเลือกจริง ๆ แล้วเท่านั้น
    12. Run uphill: ถ้าเรารู้สึก 50-50 กับการตัดสินใจยาก ๆ ให้เราเลือกทางที่ยากกว่า เพราะทางที่ยากในระยะสั้นมักให้ผลดีในระยะยาว เหมือนกับการวิ่ง เราจะเหนื่อยในระหว่างวิ่ง แต่สุดท้ายเราจะมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

    📖 Read

    Read a lot—just read.

    — Naval Ravikant

    แนวทางสุดท้ายในการพัฒนา judgment คือ การอ่าน

    การอ่านคือ superpower ซึ่งเราสามารถพัฒนาได้

    สำหรับคนที่ต้องการฝึกทักษะการอ่าน Naval แนะนำให้เริ่มจากการอ่านสิ่งที่ชอบจนกว่าเราจะรักในการอ่าน

    Read what you love until you love to read.

    — Naval Ravikant

    ในช่วงแรก เราไม่ต้องสนใจว่า หนังสือที่เราอ่านเกี่ยวกับเรื่องอะไร ขอให้เป็นสิ่งที่เราชอบก็พอ และอ่านให้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

    .

    🔖 What & How to Read

    The problem with saying “just read” is there is so much junk out there.

    — Naval Ravikant

    Naval มีเทคนิคในการอ่านเพื่อสร้างความรู้ 5 ข้อ ได้แก่:

    1. Basic knowledge: อ่านหนังสือที่มีความรู้พื้นฐาน เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และปรัชญา
    2. Classic work: อ่านหนังสือต้นฉบับหรือหนังสือ classic เช่น ถ้าเราต้องการอ่านเกี่ยวกับ evolution เราควรอ่านงานของ Charles Darwin ก่อน แล้วค่อยอ่านหนังสือของคนอื่นที่เขียนต่อยอดจาก Charles Darwin เป็นต้น
    3. No obligation to finish a book: เราอ่านเพื่อทำความเข้าใจไอเดียพื้นฐานของหนังสือ เราไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือให้จบทั้งเล่ม ถ้าเรารู้สึกว่าเข้าใจไอเดียพื้นฐานในหนังสือแล้ว เราสามารถข้ามไปเล่มถัดไปได้ และกลับมาดูหนังสือเล่มเก่าอีกครั้งเมื่อต้องการทบทวนความรู้
    4. You are what you read: เลือกหนังสือที่อ่านให้ดี เพราะหนังสือจะเหมือนเนื้อเพลงที่เล่นวนอยู่ในหัวเรา เราจะกลายเป็นสิ่งที่เราอ่าน
    5. Read to teach: อ่านโดยมีความตั้งใจว่าจะอธิบายให้คนอื่นฟัง การทำเช่นนี้จะทำให้เราเข้าใจสิ่งที่อ่านมากขึ้น

    🌻 Summary

    Judgment เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะผลของการตัดสินใจเราสามารถถูกขยายด้วยเทคโนโลยีและส่งผลเป็นวงกว้างได้

    แนวทางในการพัฒนา judgment มีอยู่ 3 แนวทาง ได้แก่:

    1. Think clearly: คิดโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยเราต้องมี (1) ความรู้พื้นฐาน และ (2) การตัดสินใจโดยไม่ใช้ identity/ego
    2. Mental models: สะสมแนวคิดในการตัดสินใจ เช่น evolution, inversion, complexity theory
    3. Read: อ่านให้เยอะเพื่อสะสมความรู้พื้นฐานและหลีกเลี่ยงหนังสือที่ไม่ดี

    🔥 Get The Almanack of Naval Ravikant

    สำหรับคนที่สนใจเนื้อหาของหนังสือและอยากอ่านเพิ่มเติม สามารถซื้อหนังสือได้ตาม link ด้านล่าง:

    Note: ใครที่สนใจอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษแบบ e-book หรือ PDF สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ navalmanack.com

  • Building Wealth: สรุป 5 กลุ่มแนวคิดในการสร้างความมั่งคั่ง (Wealth) อย่างยั่งยืน จากหนังสือ The Almanack of Naval Ravikant โดย Eric Jorgenson — What Is Wealth, How to Build Wealth, What to Build Wealth With, Why Seek Wealth, และข้อคิดอื่น ๆ

    Building Wealth: สรุป 5 กลุ่มแนวคิดในการสร้างความมั่งคั่ง (Wealth) อย่างยั่งยืน จากหนังสือ The Almanack of Naval Ravikant โดย Eric Jorgenson — What Is Wealth, How to Build Wealth, What to Build Wealth With, Why Seek Wealth, และข้อคิดอื่น ๆ

    Naval Ravikant เป็นนักลงทุนชาวอเมริกันที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในบริษัทอย่าง Uber, FourSquare, และ Twitter (X) และเป็น CEO ของ AngelList บริษัทที่เชื่อม startup กับ angel investor

    หนังสือ The Almanack of Naval Ravikant โดย Eric Jorgenson รวบรวมข้อคิดเกี่ยวกับความมั่งคั่ง (wealth) และความสุข (happiness) ผ่านการสัมภาษณ์และ tweet ของ Naval

    ในบทความนี้ เราจะมาสรุปเนื้อหา Building Wealth ซึ่งเป็นบทแรกจาก 5 บทในหนังสือ และพูดถึงเรื่องการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน

    บทความนี้แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่:

    1. Intro to wealth
    2. How to build wealth right
    3. What to build wealth with
    4. Why seek wealth?
    5. Additional tips on life of wealth

    ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย


    หน้าปกหนังสือ The Alamack of Naval Ravikant บน Amazon

    1. 🏦 1. Intro to Wealth
    2. 😎 2. How to Build Wealth Right
      1. 🎁 2.1 Productise Yourself
      2. 🧠 2.2 Earn With Mind, Not Time
      3. 🎲 2.3 Luck
    3. 🏗️ 3. What to Build Wealth With
      1. ⚡ 3.1 Specific Knowledge
      2. 🧰 3.2 Leverage
      3. 🫡 3.3 Accountability
      4. 🏪 3.4 Equity
      5. 🪙 3.5 Compound Interest
    4. 🕊️ 4. Why Seek Wealth?
    5. 💡 5. Additional Tips on Life of Wealth
      1. ⌚ 5.1 Value Your Time
      2. 🚨 5.2 Avoid Ruin
      3. 🏆 5.3 Early Success
    6. 💰 Summary
    7. 🔥 Get The Almanack of Naval Ravikant

    🏦 1. Intro to Wealth

    Seek wealth, not money or status.

    — Naval Ravikant

    เราควรมองหา wealth ไม่ใช่ money หรือ status

    • Wealth = asset ที่สร้างรายได้ให้เราในขณะที่กำลังหลับ
    • Money = สื่อที่เราใช้เคลื่อนย้าย wealth
    • Status = สถานะทางสังคมที่บอกว่า เราอยู่สูงหรือต่ำขนาดไหน

    Why not money?

    Money สร้างความสุขให้เราไม่ได้ สิ่งเดียวที่ money แก้ได้ คือ ช่วยจัดการอุปสรรคที่ขัดขวางเส้นทางสู่ความสุขของเรา

    Money ทำให้เรามีกินมีใช้และสามารถใช้จ่ายในสิ่งที่เราต้องการได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ใช่ความสุขที่เราตามหา

    Why not status?

    การต่อสู้เพื่อ status (อย่างการเล่นการเมือง) เป็น zero-sum game นั่นคือ ต้องมีฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะ (-1, +1) ทำให้ในภาพรวม ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

    ความสัมพันธ์ที่ดีควรเป็น win-win ที่ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว

    Why wealth?

    Wealth สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ในระยะยาว เพราะ wealth สามารถทำรายได้ให้กับเราแม้ในขณะที่เรากำลังหลับ

    เราควรมองหา wealth เช่น โรงงาน ธุรกิจ หนังสือ โค้ด มากกว่า money และ status


    😎 2. How to Build Wealth Right

    แนวทางการสร้าง wealth อย่างยั่งยืนมีอยู่ 3 ข้อ ได้แก่:

    1. Productise yourself
    2. Earn with mind, not time
    3. Luck

    .

    🎁 2.1 Productise Yourself

    Productize Yourself

    — Naval Ravikant

    Productise yourself หมายถึง การพัฒนาตัวให้เป็น product ที่เป็นที่ต้องการของสังคม

    เราจะ productise ตัวเองได้สำเร็จเมื่อเราสามารถสร้างสิ่งที่:

    1. มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (unique/authentic)
    2. เป็นสิ่งที่สังคมต้องการ แต่ไม่รู้จะหามาได้ยังไง (เพราะถ้าหาได้ สังคมจะไม่ต้องการเรา)

    เมื่อเราสามารถทำ 2 อย่างนี้ได้ สังคมก็จะตอบแทนเรา (ด้วยเงิน)

    .

    🧠 2.2 Earn With Mind, Not Time

    Earn with your mind, not your time.

    — Naval Ravikant

    เราควรหารายได้ด้วยความคิด (mind) ไม่ใช่เวลา (time)

    เวลาเป็น resource ที่มีอยู่อย่างจำกัดและไม่สามารถหาเพิ่มได้ ถ้าเราผูกติดรายได้กับเวลา เราจะไม่มีทางมีอิสระทางการเงิน

    การผูกรายได้กับเวลา หมายถึง เราจะต้องใช้เวลาแลกกับรายได้ และเราจะไม่มีรายได้ถ้าเราไม่มีเวลา

    เช่น เราจะได้เงินเดือนก็ต่อเมื่อเราทำงานครบ 1 เดือน และถ้าเดือนนั้นเราขาดงาน รายได้ของเราก็จะหายไป 1 เดือน

    Time -> Money
    Time -> Money

    หนทางในการสร้างความมั่นคง คือ เราจะต้องแยกรายได้ออกจากเวลา และหารายได้จากความคิด ไม่ใช่เวลา

    Time Mind -> Money

    ในขณะที่เวลามีอยู่อย่างจำกัด ความคิดของเราไม่มีที่สิ้นสุด และเราสามารถพัฒนาความคิดของเราให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ซึ่งทำให้เราสามารถหารายได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ได้

    เมื่อเราหารายได้ด้วยความคิด ไม่ใช่เวลา รายได้ของเราจะไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป

    Earn with your mind, not your time (source: The Almanack of Naval Ravikant)

    .

    🎲 2.3 Luck

    You put yourself in a position to capitalize on luck or to attract luck when nobody else created the opportunity for themselves.

    — Naval Ravikant

    Luck เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ และถ้าเราอยากสร้าง wealth อย่างมั่นคง เราควรตัด luck ออกจากสมการของเรา

    Naval มองว่า luck มีอยู่ 4 ประเภท:

    1. Blind luck: luck ที่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ เช่น ถูกหวย
    2. Luck from persistence: luck ที่เกิดจากความเพียร าจะพบ luck ประเภทนี้ได้เมื่อเราทำงานหนักหรือใส่ความพยายามไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานาน
    3. Luck from spotting: luck ที่เกิดจากการที่เราพัฒนาทักษะในการสังเกตเห็นโอกาสต่าง ๆ ในชีวิต ทำให้เราพบเจอ luck ได้มากกว่าคนอื่น
    4. Luck that finds you: luck ที่เข้ามาหาเราเองเพราะเราพัฒนาตัวเองให้เป็นที่ต้องการของสังคม (productise yourself)

    Luck ประเภทสุดท้ายเป็น luck ที่คาดเดาได้มากที่สุด เพราะเป็น luck ที่เกิดจากตัวเองเรา

    ถ้าเราอยากสร้าง wealth เราควรตัด luck ออกจากสมการโดยการพัฒนาตัวเองจน luck วิ่งเข้ามาหาเราเอง


    🏗️ 3. What to Build Wealth With

    สิ่งที่เราควรมีเพื่อสร้าง wealth อย่างยั่งยืนมีอยู่ 5 อย่าง ได้แก่:

    1. Specific knowledge
    2. Leverage
    3. Accountability
    4. Equity
    5. Compound interest

    .

    ⚡ 3.1 Specific Knowledge

    No one can compete with you on being you.

    — Naval Ravikant

    Specific knowledge คือ ความรู้/ความสามารถเฉพาะตัว

    Specific knowledge เป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น และทำให้เราสามารถสร้างสิ่งที่สังคมต้องการแต่ยังไม่รู้ว่าจะหามาได้ยังไง เพราะสิ่งนั้นมีแต่เราที่รู้/ทำได้

    Specific knowledge เกิดมาจาก 3 ส่วน ได้แก่:

    1. Innate trait: ลักษณะที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด
    2. Passion: ความชอบ/ความหลงใหล
    3. Experience: ประสบการณ์ชีวิต

    What’s your specific knowledge?

    แต่ละคนมี specific knowledge ที่ไม่เหมือนใคร เราสามารถสังเกต specific knowledge ของเราได้โดยมองหาสิ่งที่:

    • เราทำสำเร็จได้ง่าย ๆ โดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม
    • ดูเหมือนไม่ใช่ทักษะ แต่คนอื่นมองว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว
    • เรามองว่าเป็นงานอดิเรก เป็นการพักผ่อน แต่คนอื่นมองว่าเป็นงาน

    ยกตัวอย่าง เช่น:

    • ทักษะการขาย
    • ชอบเล่นเกม
    • ชอบอ่านหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์
    • ทักษะนักสืบชีวิตที่ทำให้เรารู้เรื่องราวของคนรอบข้างได้หมด แม้จะไม่เคยมีใครบอกอะไรกับเราเลย

    How to develop your specific knowledge?

    เราสามารถพัฒนา specific knowledge ได้โดยทำตาม passion มากกว่าการทำตาม trend

    ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราชอบเล่นดนตรี เราควรฝึกเล่นดนตรี แทนที่จะเรียน machine learning ในยุคของ AI (เว้นว่า เราจะชอบ machine learning จริง ๆ)

    การทำตาม passion จะทำให้เราพัฒนา specific knowledge ได้ยั่งยืนกว่า เพราะในขณะที่คนอื่นล้มเลิกความพยายามไปตาม trend เราจะยังคงทำในสิ่งที่เรารักอยู่ ทำให้เราสั่งสมประสบการณ์การและความรู้ได้มากกว่าคนอื่น ๆ

    .

    🧰 3.2 Leverage

    Give me a lever long enough and a place to stand, and I will move the earth.

    — Archimedes

    Leverage คือ สิ่งที่จะขยาย impact ของเรา

    ยกตัวอย่างเช่น ถ้าสัดส่วนระหว่างความพยายามและผลลัพธ์อยู่ที่ 1:1, leverage สามารถทำให้สัดส่วนนี้กลายเป็น 1:2, 1:5, 1:10, 1:1,000, 1:10,000 ได้

    Leverage มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่:

    1. Labour
    2. Capital
    3. Product with no marginal cost of replication

    Labour หรือแรงงานเป็น leverage ที่เก่าแก่ที่สุด แต่ใช้งานยาก เพราะเราต้องมี leadership skill ที่ดี

    Capital หรือเงินทุน เป็น leverage ที่ scale ได้ดี แต่จัดการได้ยาก แต่ใครที่ทำได้จะได้แต้มต่อจากคนอื่นมาก

    Leverage ประเภทสุดท้าย คือ product with no marginal cost of replication

    ในขณะที่ labour และ capital เป็น permission-based leverage เพราะเราจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากคนอื่น product with no marginal cost of replication เป็น permissionless leverage เพราะเราสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องขอความยิมยอมจากใคร

    Product with no marginal cost of replication คือ สิ่งที่เราสามารถสร้างเพิ่มได้โดยใช้ต้นทุนแทบเป็น 0 เช่น:

    • หนังสือ
    • เพลง
    • โค้ด
    • YouTube video

    ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทุกคนสามารถเข้าถึง product with no marginal cost of replication ทุกคนสามารถสร้าง video และ copy ไปโพสต์ตาม platform ต่าง ๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสักบาท และทำให้ตัวเองให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกได้ในชั่วข้ามคืนได้

    ถ้าอยากจะสร้างความมั่งคั่ง เราควรจะมี leverage ซึ่ง leverage ที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด คือ product with no marginal cost of replication

    .

    🫡 3.3 Accountability

    Clear accountability is important. Without accountability, you don’t have incentives.

    — Naval Ravikant

    Accountability หมายถึง ความรับผิดชอบในงานที่ทำ

    Accountability เป็นสิ่งที่มีความเสี่ยง เพราะถ้าสิ่งที่เราทำสำเร็จ เราก็สามารถรับความดีความชอบได้ ในทางกลับกัน ถ้าสิ่งที่เราทำล้มเหลว เราก็ต้องรับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

    แม้จะมีความเสี่ยง แต่เราควรมี accountability ถ้าเราอยากสร้าง wealth เพราะเมื่อเรามี accountability เราก็จะมี credibility ซึ่งทำให้เราสามารถหา leverage อย่าง labour และ capital ได้ขึ้น

    นอกจากนี้ Naval มองว่า accountability ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะคนส่วนใหญ่จะให้อภัยเราถ้าเราทำผิดพลาด แต่แสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจพร้อมความพยายามที่จะแก้ไขให้ดีขึ้น

    ถ้าเราต้องการสร้าง wealth เราควรมี accountability ในสิ่งที่เราทำ

    .

    🏪 3.4 Equity

    You must own equity—a piece of a business—to gain your financial freedom.

    — Naval Ravikant

    นอกจาก specific knowledge, leverage, และ accountability แล้ว ถ้าเราต้องการจะสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เราจะควรมี equity ด้วย

    Equity เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ (ownership) ใน asset ที่สามารถสร้างรายได้ได้ เช่น:

    • product ต่าง ๆ
    • สินทรัพย์ทางปัญญา
    • ธุรกิจ

    ถ้าเราไม่มี ownership, ความพยายามและผลลัพธ์ที่เราได้จะอยู่ในสัดส่วนที่ 1:1 แต่ถ้ามี equity แล้ว เราจะสามารถเปลี่ยนสัดส่วนให้มากขึ้นได้

    ยกตัวอย่างเช่น คุณหมอที่ทำงานโรงพยาบาล แม้จะได้รับค่าตอบแทนสูง แต่รายได้ของคุณหมอขึ้นอยู่กับเวลาที่ใช้ไปกับการทำงาน และถ้าคุณหมอหยุดงาน หมอก็จะไม่มีรายได้เข้ามา

    ในทางกลับกัน ถ้าคุณหมอเปิดคลิกนิกเป็นของตัวเอง คุณหมอสามารถมีรายได้เท่าเดิมหรือมากขึ้นในเวลาที่น้อยลง เพราะคลินิกที่มีทั้งบุคลากร เงินทุน และ software (leverage ทั้ง 3 ประเภท) จะสร้างรายได้ให้กับคุณหมอ แม้ในขณะที่คุณหมอกำลังหลับ

    .

    🪙 3.5 Compound Interest

    The combination of those over a long period of time with the magic of compound interest will make you wealthy.

    — Naval Ravikant

    สุดท้าย สิ่งที่เราต้องการเพื่อสร้างความมั่งคั่ง คือ เวลา

    ความสำเร็จไม่ได้ถูกสร้างชั่วข้ามคืน แม้แต่ Naval เองที่ประสบความสำเร็จทั้งทางทรัพย์สินเงินทองและสังคม ก็ใช้เวลาหลายสิบปีในการสร้างขึ้นมา

    เวลาอยู่ข้างเรา ถ้าเราโฟกัสได้ถูกจุด

    99% vs 1%

    99% ของสิ่งที่เราทำเป็นความพยายามที่เสียเปล่า

    ยกตัวอย่างเช่น เราใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตไปกับการเรียน การอ่านหนังสือ การสอบที่ทำให้เราได้ความรู้ที่สุดท้ายเราไม่ได้นำมาใช้จริง

    มีเพียง 1% ของความพยายามทั้งหมดของเราที่จะให้ผลลัพธ์ที่เราต้องการ

    เราจะต้องใช้ความพยายาม 99% เพื่อหา 1% นี้ให้เจอ และเมื่อเจอแล้วให้เราทุ่มสุดตัวไปกับ 1% ที่ว่า เพราะ 1% นี้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ในชีวิตของเรา

    เมื่อเราลงทุนไปกับสิ่งที่ใช่แล้ว เราเพียงแต่ต้องอดทนและปล่อยให้เวลาทำงาน

    Compound interest in life

    Compound interest เป็นแนวคิดทางการเงินที่ไม่ได้ใช้ได้กับการเงิน แต่ใช้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิตอีกด้วย

    Compound interest คือ การที่เราได้ดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะในแต่ละปี เงินต้นของเราจะเท่ากับเงินต้น + ดอกเบี้ย ทำให้ดอกเบี้ยในแต่ละปีจะคิดต่อยอดจากดอกเบี้ยปีก่อน ๆ ด้วย

    Compound interest สามารถปรับใช้กับด้านต่าง ๆ ของชีวิตได้ เช่น ความสัมพันธ์

    การที่เราจะไว้ใจสักคนไม่ได้เกิดจากความประทับใจครั้งแรก แต่เกิดการสั่งสมของการแลกเปลี่ยนความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเรายิ่งใช้เวลากับใครได้นาน เราก็จะยิ่งไว้ใจคนคนนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

    การสร้าง wealth ก็เช่นกัน เมื่อเราลงทุนได้ถูกจุดแล้ว เราก็พร้อมให้ wealth สั่งสมตัวเอง และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็จะมี wealth อย่างที่เราต้องการ


    🕊️ 4. Why Seek Wealth?

    When you’re finally wealthy, you’ll realize it wasn’t what you were seeking in the first place.

    — Naval Ravikant

    ถึงตอนนี้ เราได้เห็นแนวคิดและวิธีการสร้าง wealth แล้ว แต่เรายังไม่ได้ตอบคำถามที่ว่า ทำไมเราต้องการ wealth?

    แต่ละคนอาจมีเป้าหมายในการมองหา wealth ไม่เหมือนกัน แต่ Naval เชื่อว่า เราตามหา wealth เพื่อ freedom

    Freedom ในมุมมองของ Naval คือ อิสระในทุก ๆ ด้าน เช่น:

    • อิสระในการเลือก: สามารถเลือกทำในสิ่งที่ต้องการ และไม่ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการได้
    • อิสระในทางการเงิน: สามารถใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการได้
    • อิสระทางอารมณ์: ไม่ต้องมีความรู้สึกที่ทำลายความสงบทางจิตใจ

    Freedom เป็นเป้าหมายปลายทาง และ wealth เป็นเพียงทางที่จะนำเราไปสู่ freedom

    ตราบใดที่ wealth ยังสร้าง freedom ให้เรา wealth คือทางออก

    แต่เมื่อไรที่ wealth ขัดขวาง freedom ของเรา wealth คือปัญหา


    💡 5. Additional Tips on Life of Wealth

    3 คำแนะนำเพิ่มเติมจาก Naval เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง:

    1. Value your time
    2. Avoid ruin
    3. Early success

    .

    ⌚ 5.1 Value Your Time

    Value your time at an hourly rate, and ruthlessly spend to save time at that rate.

    — Naval Ravikant

    เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดของเรา และเราควรจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด

    เทคนิคหนึ่งในการจัดการเวลา คือ กำหนด hourly rate

    Hourly rate คือ ราคาค่าตัวต่อชั่วโมงของเรา เราควรตั้ง hourly rate ให้สูงจนน่าตกใจเพื่อที่:

    1. เราจะมีแรงผลักที่จะมุ่งไปข้างหน้า
    2. เราจะรู้จักใช้เวลาอย่างคุ้มค่า

    ยกตัวอย่างเช่น เราตั้ง hourly rate ไว้ที่ 5,000 บาท และถ้าเรากำลังจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงไปกับการดู Netflix แสดงว่า เรากำลังจะเสียเงิน 5,000 บาทไปฟรี ๆ เพราะในเวลา 1 ชั่วโมง เราสามารถทำกิจกรรมอื่นที่อาจสร้างรายได้ 5,000 บาทได้

    การตั้ง hourly rate จะช่วยให้เราคำนึงถึงเวลาในการตัดสินใจต่าง ๆ ของเรา และทำให้เราใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด

    .

    🚨 5.2 Avoid Ruin

    The one thing you have to avoid is the risk of ruin.

    — Naval Ravikant

    เราควรหลีกเลี่ยง ruin หรือสิ่งที่จะทำลายชีวิตของเรา เช่น:

    1. Jail: ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ไม่มีอะไรที่คุ้มค่าพอจะให้เราเข้าไปนอนในคุก
    2. Catastrophic loss: หลีกเลี่ยงการสูญเสียแบบหมดตัว เช่น การเล่นพนัน
    3. Physical danger: อันตรายต่อร่างกายและสุขภาพ

    .

    🏆 5.3 Early Success

    Some of the most successful people I’ve seen in Silicon Valley had breakouts very early in their career.

    — Naval Ravikant

    ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในชีวิต เราควรจะหาความสำเร็จตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะถ้านานไป เราจะเริ่มหาความสำเร็จได้ยากขึ้น

    สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิต Naval แนะนำให้ตัดสินใจ 3 อย่างนี้ให้ดี:

    1. Where: เราจะใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน สถานที่ที่เราอยู่จะส่งผลต่อแนวทางและเส้นทางชีวิตของเรา
    2. Who: เราจะใช้เวลาไปกับใคร หรือใครที่เราจะมีความสัมพันธ์ด้วย
    3. What: เราจะทำอะไร เช่น จะทำงานอะไร

    เราควรคิดถึง 3 เรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนและใน timeframe ระยะยาว เช่น:

    1. Where: จะใช้ชีวิตในเมืองไหน 10 ปี?
    2. Who: จะคบกับใครไปทั้งชีวิต?
    3. What: จะทำงานเดิมกี่ปี 3 ปี? 5 ปี?

    เราควรวางแผนทั้ง 3 สิ่งนี้ให้ดี เพราะการตัดสินใจนี้จะกำหนดเส้นทางชีวิตที่เหลือของเรา


    💰 Summary

    ในบทความนี้ เราสรุปแนวคิดในการสร้าง wealth ในหนังสือ The Almanack of Naval Ravikant

    Intro to wealth: wealth คืออะไร?

    1. Seek wealth, not money or status: ตามมา wealth ไม่ใช่ money หรือ status. Wealth คือ asset ที่สร้างรายได้ให้เราในขณะที่เราหลับ ในขณะที่ money คือ สื่อในการเคลื่อนย้าย wealth และ status คือ สถานะทางสังคมของเรา

    How to build wealth right: แนวทางในการสร้าง wealth อย่างยั่งยืน

    1. Productise yourself: สร้างสิ่งที่สังคมต้องการ แต่ยังไม่รู้ว่าจะหามาได้ยังไง
    2. Earn with mind, not time: สร้างรายได้ผ่านความคิด ไม่ใช่เวลา
    3. Luck: ตัด luck ออกจากสมการสร้าง wealth ด้วยการพัฒนาตัวเองจน luck เข้ามาหาเอง

    What to build wealth with: สิ่งที่เราควรมีเพื่อสร้าง wealth อย่างยั่งยืน

    1. Specific knowledge: ความรู้/ความสามารถเฉพาะตัว
    2. Leverage: สิ่งที่จะขยาย impact ของสิ่งที่เราทำ
    3. Accountability: ความรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ
    4. Equity: ownership ใน asset ที่ช่วยสร้างรายได้ในขณะที่เราหลับ
    5. Compound interest: เวลา

    Why seek wealth?

    1. Freedom: เราตามหา wealth เพื่อ freedom ในชีวิต

    Additional tips: ข้อคิดเพิ่มเติมในการสร้าง wealth

    1. Value your time: กำหนด hourly rate เพื่อรู้จักใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
    2. Avoid ruin: หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำลายชีวิต เช่น jail, catastrophe loss, และ physical danger
    3. Early success: เริ่มตามหาความสำเร็จแต่เนิ่น ๆ และตัดสินใจในเรื่องที่อยู่ ความสัมพันธ์ และสิ่งที่เราจะทำให้ดี

    🔥 Get The Almanack of Naval Ravikant

    สำหรับคนที่สนใจเนื้อหาของหนังสือและอยากอ่านเพิ่มเติม สามารถซื้อหนังสือได้ตาม link ด้านล่าง:

    Note: ใครที่สนใจอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษแบบ e-book หรือ PDF สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ navalmanack.com