สรุปความรู้จาก 4 Sessions ในงาน Work Life Festival 2025: การเอาตัวรอดในอนาคต, วิธีหาเงินโดยทำงานน้อยลง, เคล็ดลับการสร้างรายได้, และการลงทุน

Work Life Festival 2025 เป็น event ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7–8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในงานมีเวทีนำเสนอในหลากหลายหัวข้อที่ตอบโจทย์วัยทำงาน เช่น:

  • การเงินการลงทุน
  • การทำธุรกิจ
  • การพัฒนาทักษะ
  • การใช้ชีวิต

ในบทความนี้ ผมจะมาสรุปเนื้อหาจาก 4 sessions ที่น่าสนใจที่ผมมีโอกาสได้ไปร่วมฟัง:

  1. The Future of Work (กษิดิศ สตางค์มงคล): วิธีการเอาตัวรอดในโลกอนาคต
  2. Barista FIRE (วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์): วิธีการเกษียณก่อนอายุ ทำยังไงให้ทำงานน้อยลงแต่มีรายได้และเวลาเพิ่มขึ้น?
  3. Income Maximisation Strategy (ศิวกร ปล้องใหม): วิธีเพิ่มรายได้ให้ถึงขีดสุด
  4. Purpose First, Market Later (ศรารัญย์ คาน): วิธีการลงทุนให้ตอบโจทย์ชีวิต

ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย


  1. 🦾 The Future of Work: Why Now Is the Best Time to Build One-Person Business
    1. 🧘 Mindsets for Survival
    2. 🤔 Future Jobs
    3. 🏦 First-Principles for One-Person Business
    4. 🧑‍💼 One-Person Business Philosophy
  2. 🧧 Barista FIRE: แผนที่สู่อิสระกึ่งเกษียณ ทำงานที่อยากทำ ไม่ใช่เพราะต้องทำ
    1. 📖 Backstory
    2. 🔥 FIRE & Barista FIRE
    3. 🪜 How to Barista FIRE
    4. ☕ Example
    5. 🙋 Start With This Question
  3. 💰 Income Maximisation Strategy: กลยุทธเรียบง่ายเพิ่มรายได้ให้ถึงขีดสุด
    1. 🚲 The Three Wheels of Income
    2. 🚴 How to Move the Wheel
    3. 🔥 Expand Existing Income
    4. ⌨️ Find Extra Income
  4. 📊 Purpose First, Market Later: The Three Pillars of Lifelong Investing
    1. 💸 Investing Not Required, Or Not?
    2. 💖 Put Purpose First
    3. 🪙 Compound Interest
    4. 📘 Free Investment Playbooks
  5. 📃 References

🦾 The Future of Work: Why Now Is the Best Time to Build One-Person Business

Speaker: กษิดิศ สตางค์มงคล (Digital Writer & Data Analyst, DataRockie)

.

🧘 Mindsets for Survival

ไม่มีใครรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต:

  • AI ฉลาดขึ้น
  • สิ่งแวดล้อมแย่ลง
  • วิกฤตเศรษฐกิจ
  • สงครามและความขัดแย้ง

ถ้าจะอยู่รอด เราจะต้องมี mindset 2 ข้อ:

  1. Accept that everything/reality is just the way it is: ยอมรับในสิ่งที่เป็น ไม่ปฏิเสธหรือต่อต้าน
  2. No one is coming to save you: ไม่ใครจะช่วยเราได้ (นอกจากตัวเราเอง)

.

🤔 Future Jobs

Job ในอนาคตจะเปลี่ยนจาก job แบบที่พ่อแม่เราทำ (หางานและอยู่กับมันไปนาน ๆ) ไปเป็น job ที่เราสร้างเอง นั่นคือ การสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง (one-person business)

งาน office มีข้อเสียอยู่ 2 ข้อ:

  1. Less secure: แม้จะดูมั่นคง แต่ก็ไม่เสมอไป หลายองค์กร lay off พนักงาน ทั้งตอน COVID-19 และเมื่อ AI เริ่มเข้ามาแทนที่คน ไม่มีอะไรการันตีว่า เราจะอยู่กับงานที่ทำไปจนเกษียณ
  2. Effort ≠ reward: ไม่ว่าเราจะทุ่มเทให้กับงานขนาดไหน แต่ไม่มีอะไรการันตีว่า เงินเดือนของเราจะสูงขึ้นตามไป เช่น เราให้เวลากับงานในปีนี้เป็น 2 เท่า แต่ในปีหน้า เราอาจไม่ได้รับเงินเดือนเพราะเศรษฐกิจไม่ดี และเราจะโชคดีมากที่ไม่ถูก lay off

ในทางกลับกัน การมีธุรกิจเป็นของตัวเองมีข้อดี 2 ข้อ:

  1. More secure: แม้จะไม่มั่นคง 100% แต่ตราบใดที่เรายังสามารถส่งมอบ value ให้กับโลกได้ เราจะสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและไม่ต้องกลัวตกงาน
  2. More control: เราควบคุมผลลัพธ์ได้มากกว่า เช่น สร้างรายได้เป็น 2 เท่าจากความพยายามที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า

.

🏦 First-Principles for One-Person Business

เรามีหลักคิด 5 ข้อในการสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง:

  1. Worthy goal: มองหาเป้าหมายที่คุ้มค่าที่จะลอง
  2. Work harder on yourself (than on your job): ทุ่มเทไปกับการพัฒนา/ดูแลตัวเอง มากกว่าทุ่มเทให้กับงานที่ทำ (แนวคิดจาก Jim Rohn นักธุรกิจและนักเขียนชาวอเมริกัน)
  3. Always read: จงอ่านอยู่เสมอ เพราะการเรียนคือชีวิต ไม่ใช่การเตรียมตัวเพื่อใช้ชีวิต (อิงจาก quote ของ John Dewey นักปรัชญาและนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน)
  4. Focus on what you can control: โฟกัสกับสิ่งที่เราควบคุมได้ เพราะสิ่งเดียวที่ไม่มีใครเอาไปจากเราได้ คือ อิสระในการเลือกของเรา (แนวคิดจาก Viktor Frankl นักจิตวิทยาชาวออสเตรียและผุ้รอดชีวิตจากค่ายกักกันของนาซี)
  5. Relentless pursuit: ทำทุกวัน ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำวันละเล็กละน้อยสะสมไป เช่น ถ้าเราอ่านหนังสือเดือนละเล่ม ใน 10 ปีข้างหน้า เราจะมีความรู้เพิ่มขึ้นขนาดไหน

.

🧑‍💼 One-Person Business Philosophy

Key takeaway สำหรับการสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง คือ:

Use your skills to build something of value and monetise it through the internet.


🧧 Barista FIRE: แผนที่สู่อิสระกึ่งเกษียณ ทำงานที่อยากทำ ไม่ใช่เพราะต้องทำ

Speaker: วิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ spAcebook, เจ้าของเพจ สรุปให้)

.

📖 Backstory

เมื่อ 10 ปีก่อน คุณวิฑูรย์เคยทำงานเป็นผู้บริหารเงินเดือน 6 หลักและมีชีวิตที่เพียบพร้อม ทั้งเงิน บ้าน รถ และครอบครัว

แต่สิ่งที่ขาดไป คือ ความสุข

คุณวิฑูรย์มีทุกอย่าง แต่ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว คุณวิฑูรย์และภรรยาต่างก็เป็นผู้บริหารที่ทำงานหนักด้วยกันทั้งคู่ คุณวิฑูรย์ทำงานหนักจนกระทั่งว่า ลูกคนหนึ่งจะต้องไปอยู่กับยาย/ย่า เพราะทั้งคุณวิฑูรย์และภรรยาไม่มีที่เลี้ยงดูลูกได้อย่างเต็มที่

ทางเลือกของคุณวิฑูรย์มีอยู่ 2 ทาง:

  1. มีทุกอย่าง แต่ไม่มีเวลาให้กับลูก
  2. ทำงานน้อยลง แต่มีเวลาให้กับลูก

แน่นอนว่า คุณวิฑูรย์เลือกทางเลือกที่ 2

คุณวิฑูรย์ไม่ได้ออกจากงานในทันที แต่ก็ไม่ได้แผนที่ชัดเจนตอนออกจากงาน

14 งาน คือ งานที่คุณวิฑูรย์ทดลองทำหลังออกจากงาน ตั้งแต่งานแปลเอกสารไปจนถึงขายของในตลาดนัด

ทางเดินของคุณวิฑูรย์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และในวันนี้ คุณวิฑูรย์จะมาแชร์แนวคิดการที่ช่วยให้ทุกคนสามารถทำงานน้อยลง แต่มีรายได้เท่าเดิมหรือมากขึ้น และมีเวลาให้กับชีวิตมากขึ้น

.

🔥 FIRE & Barista FIRE

แนวคิดที่ว่า คือ FIRE (financial independence, retire early) ซึ่งเป็นวิธีสร้างอิสระทางการเงินด้วยการเก็บออมเงินในขณะที่ยังทำงานอยู่ เพื่อให้สามารถเกษียณตอนอายุยังน้อยและยังมีเงินใช้จ่ายโดยไม่ต้องทำงานอีก

Barista FIRE เป็น FIRE ที่ลดความเข้มข้นในการเก็บออมลงมา โดยแทนที่เราจะออมให้ได้มากพอที่จะสำหรับค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ เราจะเก็บเงินแค่ให้มากสำหรับใช้จ่ายบางส่วน และหารายได้เสริมเพื่อดูแลค่าใช้จ่ายที่เหลือ

.

🪜 How to Barista FIRE

การออมแบบ barista FIRE มีอยู่ 3 ขั้นตอน ดังนี้:

  1. ออม: เก็บเงินในระหว่างที่ยังทำงานประจำอยู่
  2. ลงทุน: เอาเงินออมไปลงทุนให้ได้ port ขนาด 25 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อปี เพื่อให้มี passive income 4% ของค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
  3. เกษียณ: ออกจากงาน ใช้งานด้วย passive income + ทำงานเสริม

.

☕ Example

ตัวอย่างการออมเงินให้พอสำหรับเกษียณ:

ถ้าเรามีค่าใช้จ่าย 120,000 บาทต่อปี เราจะต้องสร้าง port ให้ได้ขนาด:

12,000 * 25 = 3,000,000 บาท

และเราต้องการทำ port ให้ได้ภายใน 5 ปี (60 เดือน) เราจะต้องเก็บเงินเดือนละ:

3,000,000 / 60 = 50,000 บาท

.

🙋 Start With This Question

Barista FIRE เป็นแนวทางที่จะช่วยให้เรามีอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งเราสามารถเริ่มได้ด้วยการถามตัวเองว่า:

เงินขั้นต่ำที่ทำให้เราอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน คือ เท่าไร?


💰 Income Maximisation Strategy: กลยุทธเรียบง่ายเพิ่มรายได้ให้ถึงขีดสุด

Speaker: ศิวกร ปล้องใหม (Founder of Nack Siwakorn)

.

🚲 The Three Wheels of Income

รายได้มาจาก 3 ทาง:

  1. หาเงิน
  2. ออมเงิน
  3. ลงทุน

แต่ละทางเป็นเหมือนล้อจักรยานที่เราต้องออกแรงปั่นเพื่อให้จักรยานเคลื่อนไปข้างหน้า ในช่วงแรก เราจะต้องออกเยอะหน่อย แต่เมื่อล้อหมุนเองได้แล้ว เราจะออกแรงน้อยลงและมีเวลาพักจากการปั่นจักรยานมากขึ้น

.

🚴 How to Move the Wheel

ใน 3 ทางนี้ ทางที่สำคัญที่สุด คือ หาเงิน

ถ้าเรามีเงินทุนเยอะ เราจะสามารถออมและลงทุนได้มากขึ้น นั่นคือ วงล้อการเงินของเราจะหมุนได้ง่ายขึ้น

เราสามารถเพิ่มรายได้ด้วย 2 วิธี:

  1. เพิ่มรายได้ที่มีอยู่
  2. หารายได้เสริม

.

🔥 Expand Existing Income

การหาเงินไม่มีอยู่จริง เราไม่สามารถมองหาเงินและเจอเงินล้านตกอยู่บนพื้นได้

ถ้าเราต้องการหาเงิน สิ่งที่เราต้องมองหาไม่เงิน แต่คือปัญหา

ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาให้กับกลุ่มคนที่ต้องการทางออกได้ เราก็จะได้เงินที่เรามองหา

การทำงานทุกอย่างคือการแก้ปัญหา เช่น การติว IELTS คือการแก้ปัญหาการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้กับนักเรียนม.ปลาย

เราสามารถเพิ่มรายได้ที่มีอยู่ได้ 2 ทาง:

  1. แก้ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น: เช่น สอน IELTS ให้พนักงานที่ต้องการทำงานในองค์กรต่างชาติ ซึ่งมีกำลังจ่ายมากกว่านักเรียนม.ปลาย
  2. แก้ปัญหาให้คนมากขึ้น: เช่น เปลี่ยนการสอนแบบตัวต่อตัว เป็นสอนแบบกลุ่ม

.

⌨️ Find Extra Income

อีกวิธีในการเพิ่มรายได้ คือ ทำงานเสริม

งานเสริมที่เราสามารถทำได้ เช่น:

  • Video editor
  • Graphic designer
  • Content creator
  • Fitness coach
  • Financial advisor
  • Tutor
  • Consultant
  • Seller
  • อื่น ๆ

หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวการเริ่มทำงานเสริม เช่น:

  1. ไม่รู้จะทำอะไร
  2. ทำไม่เป็น
  3. ไม่มีทุน
  4. ไม่มี passion

แต่ทุกคำถามมีคำตอบ:

  1. ไม่รู้จะทำอะไร → ออกไปหา ไปทดลองเพื่อให้รู้ว่าอยากทำอะไร
  2. ทำไม่เป็น → เราแค่ต้องฝึกฝนเพิ่ม
  3. ไม่มีทุน → เราสามารถเก็บเงินเพื่อสร้างทุน หรือเริ่มทำในสิ่งที่ไม่ต้องใช้เงินก่อนได้
  4. ไม่มี passion → เราไม่มี passion เพราะเราทำได้ไม่ดี และเราทำได้ไม่ดีเพราะยังไม่ได้ลองทำ ดังนั้น ทางออกคือเริ่มลงมือทำ

เราไม่จำเป็นต้องพร้อม 100% ก่อนจะเริ่ม เราสามารถเริ่มได้โดย focus ที่ 4 อย่างนี้:

  1. Now: ทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ทันที
  2. Doable: ทำสิ่งที่ฝึกฝนได้/มีคนทำอยู่จริง
  3. Not too demanding: ไม่ใช่สิ่งที่หนักเกินไป/เราแบ่งเวลาให้ได้
  4. All in later: ค่อย ๆ เริ่มทีละเล็กละน้อย และเมื่อเริ่มไปได้ดี ค่อยทุ่มเต็มที่ 100%

เราจะเริ่มงานเสริมได้ แค่ต้องมี 3 สิ่งนี้:

  1. เครื่องมือ (เช่น แล็ปท็อป)
  2. ทักษะ
  3. แนวทาง (ถ้าเป็นสิ่งที่มีคนเคยทำแล้ว ให้เราเรียนรู้จากคนเหล่านี้)

Pro tip: สิ่งที่สำคัญสำหรับคนที่เริ่มต้นใหม่ ๆ คือการบริหารเวลา ในช่วงแรกที่เรายังทำได้ไม่ดี/ไม่คล่อง เวลาส่วนตัวของเราอาจจะถูกรบกวนบ่อยครั้ง เราจะต้องจัดการเวลาให้ดี จนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง เพื่อให้เรายังมีคุณภาพชีวิตที่ดี


📊 Purpose First, Market Later: The Three Pillars of Lifelong Investing

Speaker: ศรารัญย์ คาน (Investor & Content Creator, Earthh Evans)

.

💸 Investing Not Required, Or Not?

กรลงทุนเป็นแค่เครื่องมือ และเราไม่จำเป็นต้องลงทุนก็ได้ถ้า:

  • รับมือกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกปีได้
  • คิดว่าเราสามารถทำงานไปจนตายได้
  • มีเงินพอใช้หลังเกษียณ
  • คิดว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเกินกว่าที่จะรับได้
  • คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก
  • ไม่คิดจะมีลูก

จะเห็นว่า หลาย ๆ ข้อเราอาจจะยอมรับ/จัดการไม่ได้ ซึ่งหมายความว่า การลงทุนเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เราอยู่รอดได้

.

💖 Put Purpose First

การตัดสินใจว่าจะลงทุนกับอะไร กับตลาดไหน และเท่าไร ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่าง:

  1. Goal: ไม่ว่าจะเลือกว่าจะลงทุนในสินทรัพย์อะไร ไม่ว่าจะเป็นตลาดไทยหรือต่างประเทศ ทุกอย่างขึ้นกับเป้าหมายของแต่ละคนว่าต้องการมีเงินไปเพื่ออะไร
  2. Comfort: ความสบายใจต่อปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น:
    1. ภาษีที่มากับการลงทุน
    2. ค่าธรรมเนียม
    3. ความผันผวนของค่าเงิน (เช่น อัตราแลกเปลี่ยน)
    4. ความต่างของเวลาตลาด
    5. ข่าวสารต่าง ๆ
  3. Understanding: ความเข้าใจในการลงทุน เช่น:
    1. ความเข้าใจในธุรกิจ
    2. ตัวขับเคลื่อนมูลค่า
    3. โครงสร้างอุตสาหกรรม
    4. ความเสี่ยงเฉพาะธุรกิจ

.

🪙 Compound Interest

ในการลงทุน เราจะใช้ concept ที่เรียกว่า compound interest หรือดอกเบี้ยทบต้น เพื่อทำเงินให้เรา

เพื่อจะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดจาก compound interest เราจะต้องพิจารณา 3 อย่าง:

  1. Capital: เงินต้นที่มากพอ
  2. Time: เวลาที่มากพอ
  3. Interest: ผลตอบแทนที่มากพอ

.

📘 Free Investment Playbooks

สำหรับคนที่สนใจเริ่ทต้นลงทุน สามารถโหลด playbooks ความรู้ในการลงทุนได้ฟรีบนโพสต์ของ Earthh Evans


📃 References

Comments

Leave a comment